ผักคราดหัวแหวน : สมุนไพรสารพัดประโยชน์
ผักคราดหัวแหวน เป็นสมุนไพรที่ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ มีดอกสวย จึงนำมาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับได้ สามารถพบได้ในทุกภาคของไทย ส่วนที่ได้ชื่อว่า “ผักคราดหัวแหวน” นั้น เป็นเพราะมีลักษณะคล้ายหัวแหวน แต่บางคนจะเรียกว่า “ดอกกระดุมทอง” หรือ “ดอกตุ้มหู” ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะมองเห็นว่าคล้ายเครื่องประดับชนิดใด และที่ได้ชื่อว่าเป็น “ผัก” นั้น ก็เพราะยอดอ่อนกับใบอ่อนสามารถนำมากินแกล้มกับน้ำพริกและลาบได้ ส่วนคนในภาคเหนือมักนำไปทำเป็นแกงแค คนอีสานจะเอาไปใส่ในอ่อมปลา และอ่อมกบ ส่วนคนทางใต้จะนำผักคราดไปแกงร่วมกับหอยและปลา ซึ่งจะให้รสเผ็ด ชาลิ้น และหวานขม
อย่างไรก็ดี สรรพคุณของผักคราดหัวแหวนซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีคือ มีฤทธิ์เป็นยาชา และฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ จึงมักนำมาใช้เป็นยาแก้ปวดฟัน นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้น้ำลายออกมามาก จึงช่วยให้การย่อยอาหารในปากและกระเพาะอาหารดีขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาอาการต่อมน้ำลายอักเสบได้ด้วย ที่สำคัญคือ สารสไปแลนทอล (Spilanthol) ในผักคราดหัวแหวนยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อปรสิตในกระแสเลือดได้ จึงช่วยป้องกันโรคมาลาเรีย นอกจากนี้ รสเผ็ดร้อนของผักคราดหัวแหวนยังช่วยในการขับลม และรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้อีกด้วย
นอกจากสรรพคุณดังกล่าวแล้ว ผักคราดหัวแหวนยังสามารถใช้เป็นยาต่อกระดูกได้ โดยนำต้นสดมาตำรวมกับตะไคร้แล้วพอกกระดูกไว้ และเปลี่ยนยาทุกๆ 6 วัน จนครบ 41 วัน ก็จะทำให้กระดูกในส่วนที่แตกหรือหักจะต่อติดกันได้ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผักคราดหัวแหวนมีฤทธิ์ร้อนจึงทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นมากขึ้น อีกทั้งยังมีฤทธิ์แก้อักเสบจึงช่วยรักษาอาการอักเสบจากกระดูกหักได้ด้วย อย่างไรก็ดี หากนำต้นสดมาขยี้หรือตำแล้วนำมาพอกแผลสดก็จะช่วยห้ามเลือดได้ แต่ถ้านำมาตำแล้วใส่น้ำพอชุ่มนำมาพอกบริเวณที่ปวดบวม หรือฟกช้ำ ก็จะช่วยลดอาการปวดบวมและแก้อักเสบได้ด้วย
นอกจากนี้ หากนำผักคราดหัวแหวนมาคั้นน้ำจากต้นสดผสมน้ำผึ้งรับประทาน หรือจะใช้ต้นสดผสมน้ำมะนาวแล้วทำเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดพุทรา กินครั้งละ 1 เม็ดหลังอาหาร จะช่วยแก้อาการปวดประจำเดือนได้ ผักคราดหัวแหวนยังนิยมใส่ในยาอบหรือยาอาบหลังคลอดโดยใช้ร่วมกับใบหนาด ใหญ่และใบมะขาม จะช่วยบำรุงเลือดลมสำหรับผู้หญิงให้ทำงานเป็นปกติ รวมทั้งเป็นอาหารบำรุงธาตุสำหรับสตรีหลังคลอด และมีอาการวิงเวียนศีรษะอีกด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น