บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2018

ผักคราดหัวแหวน : สมุนไพรสารพัดประโยชน์

รูปภาพ
ผักคราดหัวแหวน เป็น สมุนไพร ที่ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ มีดอกสวย จึงนำมาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับได้ สามารถพบได้ในทุกภาคของไทย ส่วนที่ได้ชื่อว่า “ผักคราดหัวแหวน” นั้น เป็นเพราะมีลักษณะคล้ายหัวแหวน แต่บางคนจะเรียกว่า “ดอกกระดุมทอง” หรือ “ดอกตุ้มหู” ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะมองเห็นว่าคล้ายเครื่องประดับชนิดใด และที่ได้ชื่อว่าเป็น “ผัก” นั้น ก็เพราะยอดอ่อนกับใบอ่อนสามารถนำมากินแกล้มกับน้ำพริกและลาบได้ ส่วนคนในภาคเหนือมักนำไปทำเป็นแกงแค คนอีสานจะเอาไปใส่ในอ่อมปลา และอ่อมกบ ส่วนคนทางใต้จะนำผักคราดไปแกงร่วมกับหอยและปลา ซึ่งจะให้รสเผ็ด ชาลิ้น และหวานขม อย่างไรก็ดี สรรพคุณของผักคราดหัวแหวนซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีคือ มีฤทธิ์เป็นยาชา และฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ จึงมักนำมาใช้เป็นยาแก้ปวดฟัน นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้น้ำลายออกมามาก จึงช่วยให้การย่อยอาหารในปากและกระเพาะอาหารดีขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาอาการต่อมน้ำลายอักเสบได้ด้วย ที่สำคัญคือ สารสไปแลนทอล (Spilanthol) ในผักคราดหัวแหวนยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อปรสิตในกระแสเลือดได้ จึงช่วยป้องกันโรคมาลาเรีย นอกจากนี้ รสเผ็ดร้อนของผักคราดหัวแหวนยังช่วยในการขับลม และรักษาอาการท้

“ขมิ้นอ้อย” ยอดสมุนไพรที่ควรรู้จัก

รูปภาพ
ขมิ้นอ้อย เป็น สมุนไพร ที่หลายคนรู้จักกันดี โดยมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันไปตามแต่ละภาค คือถ้าเป็นภาคกลางจะเรียก "ว่านเหลือง" ถ้าเป็นภาษาละว้าจะเรียก "สากเบือ" ภาษาเหนือเรียก "ขมิ้นขึ้น"เชียงใหม่เรียก "แฮ้วดำ" ภาษาเขมรเรียก "ละเมียด" ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma zedoaria (Berg) Roscoe ชื่อสามัญ : Zedoary, Luya-Luyahan วงศ์ : Zingiberaceae ลักษณะของ ขมิ้นอ้อย ต้น : ขมิ้นอ้อย เป็นไม้ล้มลุกสูง 50-70 ซม. ลักษณะคล้ายขมิ้นชัน แต่ต้นสูงกว่า ขนาดเหง้าและใบใหญ่กว่า โดยเหง้าใต้ดินจะโผล่ขึ้นมาเหนือดินเล็กน้อย มีเนื้อในสีเหลืองอมส้ม กลีบดอกสีนวล มีกลิ่นหอม ใบ : ใบออกเป็นรัศมีติดผิวดิน รูปหอกแกมขอบขนาน กว้าง 8-10 ซม. ยาว 30-40 ซม. ก้านใบยาว 8-15 ซม. ท้องใบจะมีขนนิ่ม ๆ ในหน้าแล้งใบจะแห้งลงหัว บางครั้งเราก็เรียกว่าขมิ้นหัวขึ้น ดอก : ขมิ้นอ้อยจะออกดอกเป็นช่อ ก้านดอกยาวพุ่งออกจากเหง้าที่อยู่ใต้ดิน ช่อดอกจะมีใบประดับ ดอกมีสีขาว ตรงปลายช่อดอกจะเป็นสีชมพู ส่วนดอกสีเหลืองจะบานจากล่างขึ้นข้างบน และจะบานครั้งละ 2-3 ดอก ส่วนที่ใช้ทำยา ใบ มีรสเฝื่อน ช่วยขับป

เม็ดบัว..กินกันมะเร็งตับ

รูปภาพ
พืชผักผลไม้ หลายอย่างเรารู้ว่าดี แต่บางทีก็ลืม ๆ ไปว่าดีอย่างไร เหมือนกับเม็ดบัวรู้แต่ว่ายาจีน อาหาร จีนชอบใช้ คนไทยก็กินเม็ดบัวจากฝักสด ๆ เป็นของว่าง ของกินเล่น โดยเฉพาะของเด็ก ๆ แล้ววันหนึ่งก็รู้ว่า เม็ดบัวมีประโยชน์ขนาดกินป้องกันโรคมะเร็งตับได้อีกด้วย ของถูกและดีมีอยู่รอบตัวเราจริง ๆ อยู่ที่ว่าเราจะใส่ใจหยิบใช้อย่างไร ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ข้อมูลว่า เม็ดบัวอัดแน่นด้วยสารอาหาร โดยมีสารอาหารเด่น ๆ ได้แก่ โปรตีน มีสูงถึงร้อยละ 23 ต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม จึงเป็นแหล่งโปรตีนเช่นเดียวกับการกินถั่วเหลือง มีการวิจัยพบว่าเม็ดบัวมีสารแอนติออกซแดนต์ในปรมาณสูง ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติหลายอย่าง เช่น ชะลอการเสื่อมของอวัยวะละผิวพรรณ ป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ ทางการแพทย์แผนไทยเชื่อว่า เม็ดบัว ช่วยบำรุงกำลัง แก้โรคข้อต่าง ๆ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ส่วนแพทย์แผ่นจีนบอกว่า ช่วยบำรุงไต ม้าม หัวใจ และตับ ซึ่งตรงกับงานวิจัยในต่างประเทศที่ระบุว่า สารแอนติออกซิแดนต์จะช่วยปกป้องและบำรุงตับ โดยเฉพาะตับที่ต้องขับสารแอฟลาท็อกซิน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็งตับออกจากร่างกาย การกินเม็